ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ
   ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ
   ศาลยุติธรรม
   ศาลแพ่ง
   ศาลแพ่งกรุงเทพใต้
   ศาลอาญา
   ศาลอาญากรุงเทพใต้
   ศาลอาญาธนบุรี
   ศาลแพ่งธนบุรี
   ศาลจังหวัดตลิ่งชัน
   ศาลจังหวัดมีนบุรี
   ศาลแขวงพระนครเหนือ
   ศาลแขวงพระนครใต้
   ศาลแขวงปทุมวัน
   ศาลแขวงดุสิต
   ศาลแขวงธนบุรี
   ค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา
   ค้นหากฎหมายไทย
   อัตราค่าส่งหมายทั่วประเทศ
   ดาวน์โหลดแบบฟอร์มศาลยุติธรรม
   เนติบัณฑิตยสภา
   สภาทนายความ
   กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
   สนง.คณะกรรมการกฤษฎีกา
   ห้องสมุดกฎหมายไทย 1.1
   ห้องสมุดกฎหมายไทย 2.1
   ห้องสมุดกฎหมายไทย 2.2
   ห้องสมุดกฎหมายคณะกรรมการกฤษฎีกา
สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 3
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 86
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 2,479,024
 เปิดเว็บ 02/06/2553
 ปรับปรุงเว็บ 17/02/2565
กรุณาฝาก Email ของท่าน
  เพื่อรับข่าวสาร ที่น่าสนใจ
3 มิถุนายน 2566
อา จ. อ. พ. พฤ ศ. ส.
    
10 
11  12  13  14  15  16  17 
18  19  20  21  22  23  24 
25  26  27  28  29  30   
             
 Webboard

การตอบคำถามทางเว็บไซท์ http://www.phuwarinlawyer.com/ 
เป็นเพียงความคิดเห็นเบื้องต้นทางกฎหมายซึ่งได้วินิจฉัยและตอบคำถามจากข้อเท็จจริงเพียงเท่าที่ปรากฏเท่านั้น
โดยอาจมีรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อมูลอื่นๆ ที่ผู้ถามมิได้แจ้งข้อมูลมาอย่างครบถ้วนที่จะประกอบการวินิจฉัยอย่างเพียงพอ
ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณประกอบการตัดสินใจ
**************************************************************

ติดต่อปรึกษาทางโทรศัพท์  081-9250-144 หรือ Line ID 081-9250-144
**กรณีหากไม่รับสายแสดงว่าติดภารกิจศาลหรือติดงาน กรุณาโทรติดต่อใหม่อีกครั้ง**

lawyer.makewebeasy.com > ปรึกษาปัญหากฎหมายทั่วไป > ทนายความฟรี...มีที่ไหน(บ้าง)............
  ผู้เขียน
 หัวข้อ : ทนายความฟรี...มีที่ไหน(บ้าง)............ (อ่าน 45364) 
6859
 
Webmaster
Admin
Phuwarin2549@hotmail.com
เมื่อ 24 มีนาคม 2553 23:07 น.

ทนายความฟรี.....มีที่ไหน (บ้าง)

ขึ้นหัวไว้อย่างนี้ก็เพื่อที่จะบอกกับทุกคนว่า หากคุณเป็นผู้ที่มีรายได้น้อย ไม่ค่อยจะมีกะตังค์ไปปรึกษาทนายหรือ ไปจ้างทนายมาว่าความให้คุณ คุณก็สามารถขอรับการช่วยเหลือทางด้านกฎหมายได้ฟรี

โดยหากคุณต้องการเพียงขอคำปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับคดีความที่คุณถูกฟ้อง หรือเป็นเรื่องที่คุณต้องการใช้สิทธิทางศาล แต่ไม่รู้จะดำเนินการอย่างไร    คุณสามารถไปขอคำปรึกษาได้ที่ ที่ทำการศาลทุกศาล ซึ่งจะมีโต๊ะสำหรับทนายความอาสาประจำอยู่ทุกศาลคอยให้คำปรึกษาชี้แนะกับประชาชนทั่วไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น         

**แต่ทนายความอาสาเหล่านี้จะให้แค่คำปรึกษากับคุณได้เท่านั้น ไม่สามารถว่าความให้กับคุณได้ เพราะเป็นข้อห้าม *

ส่วนหากคุณต้องการทนายความว่าความให้กับคุณ คุณอาจจะต้องไปที่ ที่ทำการสภาทนายความ ตรงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อขอรับการช่วยเหลือที่นั่น

แต่การขอรับการช่วยเหลือในกรณีนี้ จะมีเงื่อนไขอยู่ 2 ประการคือ

1. คุณต้องเป็นผู้ที่ยากจน        และ        2. ไม่ได้รับความเป็นธรรม

*ซึ่งต้องมีคุณสมบัติครบทั้ง 2 ประการ จึงจะสามารถขอรับการช่วยเหลือได้

อีกกรณีหนึ่งคือ กรณีที่คุณตกเป็นจำเลยในคดีอาญา หากคุณไม่มีทนายความว่าความให้ คุณสามารถร้องขอต่อศาลขอให้ตั้งทนายความให้ได้ ซึ่งศาลจะมีทนายขอแรงไว้ช่วยเหลือว่าความให้คุณ ที่นี้รู้หรือยังครับว่า ทนายความฟรี.......มีที่ไหน (บ้าง)



แต่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ หากคุณต้องการคำที่ปรึกษาเบื้องต้นหรือต้องการคำแนะนำในเรื่องคดีความปรึกษาทางผมก่อนได้นะครับ โดยเบื้องต้นทางผมและทีมงานทนายฯจะไม่คิดค่าใช้จ่ายในการเป็นที่ปรึกษาใด (เฉพาะคำปรึกษาเบื้องต้นเท่านั้นนะครับ)...........หรือจะ E-mail มาปรึกษาที่ผมก่อนก็ได้ครับ.......

***************************************************


ตัวบทกฎหมายอ้างอิง

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 บัญญัติว่า 

            "ในคดีที่มีอัตราโทษ
ประหารชีวิต หรือในคดีที่จำเลยมีอายุไม่เกินสิบแปดปีในวันที่ถูกฟ้องต่อศาล ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายความหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ให้ศาลตั้งทนายความให้

            ในคดีที่มีอัตราโทษจำคุก ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายความหรือไม่ ถ้าไม่มีและจำเลยต้องการทนายความ ก็ให้ศาลตั้งทนายความให้

            ให้ศาลจ่ายเงินรางวัลและค่าใช้จ่ายแก่ทนายความที่ศาลตั้งตามมาตรานี้ โดยคำนึงถึงสภาพแห่งคดีและสภาวะทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมกำหนดโดยความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง"


             คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2549 "โจทก์ฟ้องคดีที่มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ในการพิจารณาคดีก่อนถามคำให้การจำเลย ศาลชั้นต้นมิได้สอบถามจำเลยเรื่องทนายความตาม ป.วิ.อ. มาตรา 173 วรรคสอง จึงเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามบทบัญญัติดังกล่าว อันเป็นกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ และทำให้จำเลยเสียเปรียบ แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณา ให้ศาลชั้นต้นสอบถามจำเลยเรื่องทนายความแล้วให้ส่งสำนวนคืนศาลอุทธรณ์ภาค 8 เพื่อพิจารณาพิพากษา ก็ไม่อาจแก้ไขกระบวนการพิจารณาที่เสียไปแล้วตั้งแต่ต้นให้กลับมาเป็นชอบด้วยกฎหมายได้ ศาลฎีกาให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี"


แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2565 13:56 น.
จุ๊บจุ๊บๆ
Guest
ตอบ # 2 เมื่อ 30 พฤษภาคม 2553 10:03 น. [แจ้งลบ]
:):):p::D:....................
............................

ขอบคุณก้าบ....คุณทนายความใจดี
นิชดา
Guest
ตอบ # 3 เมื่อ 2 ตุลาคม 2553 15:01 น. [แจ้งลบ]
"ทนายขอแรง" หมายถึงอะไรคะ
แก้ไขเมื่อ 2 ตุลาคม 2553 15:03 น.
ทนายภูวรินทร์
Admin
ตอบ # 4 เมื่อ 2 ตุลาคม 2553 15:35 น. [แจ้งลบ]
ทนายขอแรง ...คืออะไร?   คือขอแรงทนายให้ช่วยทำงานบ้านหรือเปล่า...อ้ะๆไม่ใช่ครับ ..

ทนายขอแรง คือ ทนายที่ไปลงชื่อไว้กับศาลแต่ละศาล... รายละเอียดค่อนข้างเยอะครับ..

แต่ทั้งนี้ทั้งทนายและลูกความก็ต้องใช้วิจารณญาณในการพิจารณาด้วยครับว่ามีขอบเขต

การทำงานนั้นอยู่แค่ไหน.....



**ลูกความส่วนมาก ย่อมคาดหวังอยากที่จะให้ทนายความของทำงานทุ่มเทให้อย่างเต็มกำลัง

ก็คงต้องพิจารณาอย่างสมเหตุสมผล...
เพราะขึ้นชื่อว่า "ขอแรง" ค่าตอบแทนก็ไม่สูง ...........

ซึ่งบางครั้งค่าตอบแทนก็คงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าเป็นต้นทุนและแรงใจในการทำงาน..

(ของคนทุกคนและทุกวิชาชีพเลยก็ว่าได้)....

ดังนั้นหากคิดจะเลือกทนายขอแรงจึงควรจะศึกษารายละเอียดปลีกย่อยค่อนข้างมากซึ่ง

ผมคงตอบทั้งหมดไม่ได้ ณ ที่นี้ครับ
แก้ไขเมื่อ 2 ตุลาคม 2553 16:08 น.
อริยา
Guest
a.dittellm@gmail.com
ตอบ # 5 เมื่อ 13 ตุลาคม 2553 23:41 น. [แจ้งลบ]
ก็เห็นใจทนายขอแรงนะ เพราะเวลาใช้แรงงานไปจนหมดแรง(เงิน)จะช่วยในการดำเนินการอื่นๆ ทำให้ทนายความโดยส่วนมากไม่ต้องการทำงานให้หนักเกิน ยกเว้นคดียากเงินรางวัลทนายจะได้กลับมาพอให้หายใจคล่องสำหรับงานต่อไป แต่ถ้าทนายความคนไหนมีเหลือฟุมเฟือยแล้ว การเป็นทนายขอแรงคงไม่ต้องเหนื่อยใจ คือจ่ายแทนลูกความได้แทนการทำทาน
แต่โดยจรรยาบรรณแล้ว ต้องรับผิดชอบคดีให้ดีเหมือนกับลูกความที่มีเงินมาว่าจ้างทนายความ ต้องทำการบ้านหนักเช่นกัน

แต่ทนายเก่งๆที่ไปเป็นทนายขอแรงให้มีพอสมควรนะ แต่ถือเสียว่าได้เงินน้อย แต่ได้กล่องมาด้วย หากทนายท่านใดทำงานทนายขอแรงได้เกือบๆร้อยคดี ให้นำหลักฐานไปยื่นที่สภาทนายความได้เพื่อขอเข็มพระราชทาน แต่จะได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาในปีนั้นๆ ไม่ทราบว่าจำกัดหรือไม่ อยากทำอยู่แต่ยังไม่มีเวลาไปลงทะเบียน
ส่วนทนายขอแรงที่สภาทนายความนั้น ทางสภาทนายความเป็นผู้ดำเนินการมอบหมายให้ทนายที่ลงทะเบียนไว้และผ่านการคัดเลือกทนายอาสาแล้วไปว่าความให้
ที่เมืองไทยไม่มีทนายความขอแรงที่คุณไปหาได้ตามบริษัทนะ ไม่เหมือนที่ฝรั่งเศส ที่จะมีทนายความที่รับทำคดีความให้คนที่ไม่มีเงิน ซึ่งเขาจะทำเรื่องขอเบิกค่ารางวัลทนายความจากทางศาลเองเรียบร้อย เราเพียงแต่ยื่นเอกสารหลักฐานทั้งหมดให้เขาไป กรณีคดีแพ่งด้วยที่มีประสบการณ์มากับตัวเอง ไม่ได้เสียค่าขึ้นศาล เรื่องการเสียธรรมเนียมอะไรอื่นๆ ทนายจัดการหมด เรารอคำพิพากษาอย่างเดียวในการฟ้องเรียกค่าเช่าคืน ทนายเขาจะส่งเช็คมาให้ เราก็ส่งการ์ดกลับไปขอบคุณเขา แต่ถ้าเป็นคดีมรดก การยื่นคำร้องขอฟ้องคดีแบบคนอนาถาคงไต่สวนนะ ไม่แน่ใจเพราะไม่ได้เรียนวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฝรั่งเศส) เพราะลงสาขานิติกร

ดังนั้น ในเมืองไทย จึงไม่มีทนายขอแรงในลักษณะที่ว่าเดินเข้าไปหาที่บริษัทได้เลย การยื่นคำร้องที่ว่าเรียกว่าการยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือทางศาล เมืองไทยเราคงยังทำไม่ได้ถึงขนาดนั้น คุณจึงต้องวิ่งไปหาที่สภาทนายความก่อนนะคะ หรือศาลเยาวชนและครอบครัวก็มีการตั้งทนายขอแรงให้ได้
bingola
Guest
ตอบ # 6 เมื่อ 14 ตุลาคม 2553 00:05 น. [แจ้งลบ]
ขอบคุณครับ เป็นข้อมูลให้ความรู้ที่มีประโยชน์มากจริงๆ ...พูดยากนะครับ ของถูกและดีกับเรื่องธรรมดาของคนที่ต้องคาดหวัง
.....ยิ่งของฟรีและดีอีกด้วย....ก็คงต้องทำใจ...
poo
Guest
ตอบ # 7 เมื่อ 15 ตุลาคม 2553 13:50 น. [แจ้งลบ]
ถ้าพ่อและแม่ของเด็กแยกทางกัน แต่ยังไม่จดทะเบียนหย่า แต่เด็กคุณยายเลี้ยงตั้งแต่เกิดแล้วพ่อของเด็กมาพาลูกไปเที่ยวแล้วไม่พาเด็กกลับจะแจ้งตำรวจได้ไหมค่ะ
ทนายภูวรินทร์
Admin
phuwarinlawyer@hotmail.com
ตอบ # 8 เมื่อ 16 ตุลาคม 2553 00:04 น. [แจ้งลบ]

ตอบคำถามคุณปูครับ

       
   ตามกฏหมายบุตรซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องอยู่ใต้อำนาจปกครองของบิดามารดา อำนาจปกครองอยู่กับบิดาหรือมารดาในกรณีดังต่อไปนี้

            (1) มารดาหรือบิดาตาย

            (2) ไม่แน่นอนว่ามารดาหรือบิดามีชีวิตอยู่หรือตาย

            (3) มารดาหรือบิดาถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ ความสามารถ

            (4) มารดาหรือบิดาต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพราะจิตฟั่นเฟือน

            (5) ศาลสั่งให้อำนาจปกครองอยู่กับบิดาหรือมารดา

            (6) บิดาและมารดาตกลงกันตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ให้ตกลงกันได้


           การเป็นผู้ใช้อำนาจการปกครองมีสิทธิดังต่อไปนี้

           (1) กำหนดที่อยู่ของบุตร

           (2) ทำโทษบุตรตามสมควรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอน

           (3) ให้บุตรทำการงานตามสมควรแก่ความสามารถและฐานานุรูป

           (4) เรียกบุตรคืนจากบุคคลอื่นซึ่งกักบุตรไว้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

          

           การที่พ่อกับแม่แยกทางกันแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่า ก็ยังถือว่าเป็นสามีภริยาถูกต้องตามกฎหมายอยู่ พ่อกับแม่ก็ยังเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรอยู่เหมือนเดิม ส่วนยายแม้จะเลี้ยงเด็กมาตั้งแต่เกิดก็หาทำให้มีสิทธิเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองไปโดยปริยายไม่ครับ ยายไม่มีสิทธิจะกักตัวเด็กไว้เลยครับ 

          ดังนั้น การที่พ่อมาเอาลูกไปเลี้ยงดูเองในภายหลังก็ย่อมมีสิทธิที่จะทำได้ ไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด 
แจ้งความไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทางแก้เรื่องนี้ก็ควรให้แม่เด็กไปเอาตัวเด็กคืน

ส่วนการที่จะไม่ให้พ่อของเด็กมายุ่งเกี่ยวกับเด็กนั้น ก็ต้องใช้สิทธิทางศาลขอให้ศาลเพิกถอนอำนาจปกครองบุตรครับ ได้เฉพาะกรณีพ่อเป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถโดยคำสั่งของศาล ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบ  ประพฤติชั่วร้าย   ล้มละลาย หรือจัดการทรัพย์สินของผู้เยาว์ในทางที่ผิดจนอาจเป็นภัยครับ 

           แต่อย่างไรก็ตามกฎหมายกำหนดว่า บิดาหรือมารดาย่อมมีสิทธิที่จะติดต่อกับบุตรของตน ได้ตามควรแก่พฤติการณ์ ไม่ว่าบุคคลใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองก็ตาม

sakdina
Guest
ตอบ # 9 เมื่อ 16 ตุลาคม 2553 16:29 น. [แจ้งลบ]
ทนายฟรี .. จริงๆแล้วคงไม่มีจริงๆ...ก็คงเหมือนกับวิชาชีพอื่นๆทำเป็นอาชีพให้บริการแก่ลูกค้า..
..ขอบคุณคุณทนายภูวรินทร์และคุณอริยามากนะครับผมเองก็กำลังอยากรู้อยู่เหมือนกันว่า จะหาทนายดีๆ
ทำคดีของตัวเองได้จากไหน ..
ผมไปอ่านเจอบทความนึง.... ก็ทำให้สับสนและไม่แน่ใจเหมือนกันว่า การเลือกทนายดีๆ จะไปหาได้จากที่ไหน..
ขอแปะมาไว้อ่านเล่นแล้วกันนะครับ..

บทบาทที่ควรจะเป็น ของทนายความสาธารณะ ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

โดย มติชน วัน จันทร์ ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 02:03 น.

โดย สฤษดิ์ ธัญกิจจานุกิจ กรรมการมรรยาททนายความ สภาทนายความ
ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ได้บัญญัติหลักประกันสิทธิของผู้ต้องหาคดีอาญาไว้ว่ามีสิทธิได้รับความช่วยเหลือจากรัฐด้วยการจัดหาทนายความให้ตามที่กฎหมายบัญญัติ

ซึ่งก็ได้มีกฎหมายลูกออกมารองรับถึงบทบัญญัติดังกล่าวคือ กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่รับรองสิทธิของผู้ต้องหาที่ไม่มีทนายความ หากประสงค์จะต่อสู้คดีรัฐต้องจัดหาให้ โดยไม่ได้คำนึงว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นผู้ยากไร้หรือไม่

โดยในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนก็ประสานกับสภาทนายความเป็นข้อตกลงในความร่วมมือกันที่จะมีทนายความอาสา ซึ่งแจ้งชื่อที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ ให้แก่สถานีตำรวจทุกสถานีทั่วทุกจังหวัด โดยจัดเป็นระบบการเข้าเวรทนายความอาสาแต่ละวัน

เพียงแต่สภาทนายความกำหนดไว้ว่า ทนายความผู้ที่จะไปให้คำปรึกษาหรือร่วมฟังชั้นสอบสวนต้องมีอายุการว่าความมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี

ส่วนในชั้นศาลในคดีอาญาหากจำเลยไม่มีทนาย ความและประสงค์จะได้ทนายความ ศาลก็จะตั้งให้เรียกว่าทนายความขอแรง เป็นไปตามระบบบัญชีรายชื่อเรียงตามตัวอักษรหรือเรียงตามลำดับรายชื่อที่สมัครเข้ามาขึ้นชื่อไว้กับศาลนั้นๆ

หากศาลขอแรงทนายความ เจ้าหน้าที่ศาลก็จะพิมพ์เสนอชื่อทนายความขอแรงตามลำดับคิว โดยไม่คำนึงถึงความรู้ความสามารถหรือความเชี่ยวชาญของทนาย ความต่อคดีแต่ละประเภท ทั้งจำเลยก็ไม่มีสิทธิเลือก

เพราะตามกฎหมายก็ระบุไว้ว่า ศาลตั้งให้เป็นทนายขอแรงรับว่าความให้กับจำเลย โดยจำเลยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด แต่ทนายความจะได้ค่าตอบแทนวิชาชีพจากงบประมาณของกระทรวงยุติธรรมที่ปัจจุบันก็ได้มีการปรับค่าตอบแทนให้สูงขึ้นตามสภาพของเศรษฐกิจ

รัฐจะจัดให้มีทนายความแก่ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา ทั้งในชั้นสอบสวนและในชั้นศาล หากประชาชนเดือดร้อนอรรถคดีทางแพ่ง หากเป็นผู้ยากไร้และไม่ได้รับความเป็นธรรม ตาม พ.ร.บ.สภาทนายความ พ.ศ.2528 ก็ได้บัญญัติให้สภาทนายความต้องช่วยเหลือโดยจัดหาทนายความให้

โดยประชาชนผู้ยากไร้ และไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้นไม่ต้องเสียค่าตอบแทนวิชาชีพแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมายของไทยจะได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับหลักการพื้นฐานของสหประชาชาติว่าด้วยบทบาทของนักกฎหมาย (Basic Principles on the Role of Lawyers 1990) แล้ว ยังมีหลายข้อหลายประเด็นที่การช่วยเหลือประชา ชนทางกฎหมายในเมืองไทยยังไม่มีหรือยังไม่ได้มาตรฐาน พอสรุปได้ดังนี้ เช่น

รัฐบาลพึงดำเนินการให้เป็นที่มั่นใจได้ว่าจะมีการกำหนดให้มีกองทุนและปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ ที่พอเพียงแก่การให้มีความช่วยเหลือทางกฎหมายสำหรับผู้ยากไร้ และในกรณีที่จำเป็นแก่ผู้ที่ด้อยโอกาสอื่นๆ สมาคมของนักกฎหมายพึงให้ความร่วมมือสนับสนุนองค์กรและข้อกำหนดเรื่องการให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวก ตลอดจนปัจจัยอื่นๆ เกี่ยวกับการดังกล่าวด้วย

รัฐบาลและสมาคมทางวิชาชีพของนักกฎหมายพึงให้ความใส่ใจเป็นพิเศษกับการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ยากไร้ และผู้ที่ด้อยโอกาสอื่นๆ เพื่อที่จะให้บุคคลเหล่านั้นได้รับการคุ้มครองสิทธิและสามารถแสวงหาความช่วยเหลือจากนักกฎหมายตามความจำเป็นได้

ในทุกคดีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมผู้ที่ถูกจับกุมคุมขังหรือถูกดำเนินคดีอาญา ผู้ใดที่ยังไม่มีทนายความพึงมีสิทธิที่จะมีทนายความที่มีประสบการณ์และความสามารถเหมาะสมกับลักษณะของข้อกล่าวหานั้นๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่ผู้นั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ โดยที่ผู้นั้นไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หากว่าไม่สามารถจะจ่ายได้

กฎหมายสหรัฐอเมริกาได้กำหนดไว้ใน sixth Amendment โดยให้สิทธิแก่ผู้ต้องหาได้รับความช่วยเหลือจากทนายความในการต่อสู้คดี ซึ่งพัฒนาการของสิทธิการมีทนายความของผู้ต้องหาหรือจำเลยในสหรัฐอเมริกา ได้แก่

1) สิทธิในการมีทนายความ

2) สิทธิที่จะได้รับการจัดทนายความให้ และ

3) สิทธิที่จะได้รับการช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพจากทนายความ

สำหรับประเทศอังกฤษได้มีกฎหมาย The Access to Justice Act. 1999 ให้อำนาจประธานศาลฎีกากำหนดวัตถุประสงค์ของการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ซึ่งมีสาระสำคัญว่าประชาชนต้องได้รับการช่วยเหลือด้านทนายความตั้งแต่ชั้นจับกุมจนถึงคดีถึงที่สุดและต้องได้รับทนายความที่มีคุณภาพ

จะเห็นได้ว่า มาตรฐานของสหประชาชาติว่าด้วยบทบาทของนักกฎหมายและกฎหมายของอเมริกา, อังกฤษ ต่างก็ระบุไว้ชัดเจนว่าทนายความที่รัฐจัดให้ หรือทนายความสาธารณะที่จะช่วยเหลือประชาชน จะต้องเป็นทนายความที่มีคุณภาพ ต้องช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

หากอธิบายให้ชัดเจนก็คือทนายความสาธารณะหรือทนายความอาสาหรือจะเรียกทนายความขอแรงก็ตาม ต้องเป็นทนายความที่มีประสบการณ์การว่าความหรือให้คำปรึกษาและความสามารถเหมาะสมกับลักษณะของข้อกล่าวหานั้นๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่ผู้นั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ในปัจจุบันประเทศไทยมีเพียงกฎหมายที่บัญญัติแต่เพียงว่า รัฐต้องจัดให้มีทนายความ หรือศาลต้องตั้งทนายความขอแรงให้ แต่ไม่มีกฎหมายใดที่ระบุไปถึงว่า ทนายความที่ช่วยเหลือต้องเป็นทนาย ความที่มีคุณภาพ และต้องช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ

เพราะหากมีหลักเกณฑ์ดังกล่าวจริง มิใช่เพียงพิจารณาจากอายุการว่าความเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย

เช่น ประสบการณ์ในการว่าความคดีแต่ละประเภท

ความเป็นผู้มีมรรยาททนายความ, ความรับผิดชอบ รวมทั้งจิตใจเสียสละที่จะช่วยเหลือประชาชน โดยไม่ได้คำนึงถึงค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงินแต่เพียงอย่างเดียว

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทนายความอาสาที่จะไปให้คำปรึกษาชั้นโรงพัก หรือทนายความขอแรงในชั้นศาล ล้วนเป็นไปตามระบบบัญชีรายชื่อ ไม่ได้จัดให้เหมาะสมกับสภาพ ของข้อหาของผู้ต้องหาหรือจำเลยคนนั้น

แม้ว่าทนายความจะเป็นผู้มีประสบการณ์การว่าความหรือเป็นผู้มีคุณธรรมจิตใจอาสาที่จะเสียสละก็ตาม แต่การช่วยเหลือประชาชนทางอรรถคดีความ ก็เปรียบเสมือนคนไข้หากเป็นโรคหัวใจก็ควรจะได้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจ หรือหากเป็นคนไข้ก็จะต้องผ่าตัด ก็ควรจะได้รับการปรึกษาหรือช่วยเหลือจากศัลยแพทย์เป็นต้น


ดังนั้น เป็นโอกาสในช่วงที่มีการยกร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประชาชนผู้ทุกข์ยาก หรือได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับคดีความที่จะได้รับการช่วยเหลือทางกฎหมายจากทนายความสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ และจากทนายความสาธารณะที่มีคุณภาพ หากจะมีการบัญญัติไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 โดยยึดถือถ้อยคำตามหลักการพื้นฐานของสหประชาชาติว่าด้วยบทบาทของนักกฎหมายทั้งรัฐ อันเป็นการประกาศให้นานาชาติได้รับรู้ถึงการพัฒนาการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรมให้เทียบเท่าสากล

หากได้มีการบัญญัติไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ย่อมเป็นหลักประกันให้ประชาชนผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมและได้รับความยุติธรรมจากกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ชั้นตำรวจไปจนถึงชั้นการพิจารณาคดีของศาลอย่างแท้จริง

......อ่านแล้วก็นะ.....ทนายฟรีจริงๆ ก็คงจะไม่มี แล้วถึงมีก็คงคาดหวังอะไรมากไม่ได้อีก.......
อย่างว่านะครับ .......

Utopia
Guest
ตอบ # 10 เมื่อ 16 ตุลาคม 2553 16:47 น. [แจ้งลบ]
ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้เพิ่มอีกแย้ว..
แอน
Guest
ann.kwanta@hotmail.com
ตอบ # 11 เมื่อ 18 ตุลาคม 2553 20:07 น. [แจ้งลบ]
มีหลานชายโดนรถชนที่ท้องสน.อุดมสุขคะ เป็นฝ่ายถูกชนแท้ ๆ คู่กรณีขับรถมอไซร์ แต่ขับเลนขวามา (แถมขับรถมือเดียว เพราะอีกมือถือสิ่งของบางอย่าง) หลานชายขับรถออกมาจากซอย เพื่อจะวิ่งรถไปทางสวนหลวง ร.9 (ออกมาจากซอยที่อยู่ฝั่งเดียวกับสวนหลวง ร.9 ) ขับออกมา รอออกเลนขวา ในเส้นระยะปลอดภัยและรถก็จอดรออยู่(อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 เลน) แล้วก็มีรถมอไซร์ของคู่กรณี วิ่งลงมาจากสะพาน แล้วเสียหลักชนรถของหลานของฉัน (หลานของฉันมีแฟนซ้อนท้ายมาด้วย) ทั้งหมดบาดเจ็บ แต่หลานของฉันแน่นิ่งไปไม่หายใจ มีบาดแผลที่หูเลือดใหล และใบหูฉีก ส่วนแฟนของเขามีแผลถลอกทั้งตัว ส่วนคู่กรณี มีแผลที่ตัวและใบหน้า เป็นการโชคดีที่มีตำรวจจากสน.อุดมสุข ผ่านมาพอดี จึงช่วยเหลือ ปั้มห้วใจ หลานของฉันจึงหายใจขึ้นมา และ รถร่วมกตัญญูหรือเปล่าไม่แน่ใจ ก็ผ่านมาช่วยเหลือต่อไป หลานฉันนอนโรงพยาบาล 3 วัน เพื่อรักษาแผลที่หู เพราะมีอาการปวดหัว ตลอด
หลังจากนั้นทางฉันจึงไปแจ้งความไว้ แจ้งไว้ว่าถูกชน ทางตำรวจสอบปากคำและลงบันทึกไว้
และอีกไม่กี่วันคู่กรณีก็มาแจ้งความว่าเราเป็นฝ่ายชน และเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน 60000 บาท ทางตำรวจร้อยเวณ เรียกไปคุยให้ทางเราชดใช้ค่าเสียหายให้เขา ฉันเลยถามตำรวจไปว่า คู่กรณีขับรถเลนขวาผิดใหม และขับรถมามือเดียว ทางตำรวจไม่ตอบ และเลี่ยงประเด็น (หลานฉันเป็นเด็ก แต่คู่กรณีเป็ผู้ใหญ่ ) ฉันเลยถามว่าสรุปทางฉันผิดใช้ไหมถึงต้องชดใช้ค่าเสียหาย ตำรวจตอบว่าไม่ผิด แต่คู่กรณีบาดเจ็บ ฉันถามว่า ถ้าวันเกิดเหตุตำรวจไม่ผ่านมาพอดี หลานฉันก็ต้องตายใช้ไหม เพราะเขาไม่หายใจเลย แล้วทำไมผลออกมาเป็นแบบนี้ ตำรวจบอกว่าทางเราไม่ผิด แต่ให้ใช้ค่าเสียหายให้.
ทางเราไม่ชดใช้ ตำรวจบอกว่า ตกลงกันไม่ได้ ก็จะฟ้องทั้ง 2 ฝ่าย ว่าขับรถประมาณ เราก็ไม่เป็นไร แฟร์ดี แต่พอเรื่องไปที่ศาล มันกลายเป็นคนละเรื่องกัน ตำรวจแจ้งข้อหาทางฉันว่า ขับรถชนผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส (คำว่าสาหัสในเอกสารของศาลมีการเติมเพื่มเข้าไปภายหลัง โดยไม่มีการกำกับชื่อไว้) สาเหตุที่รู้ถึงรายละเอียดเพราะล่าสุดฉันไปศาลด้วยกับหลาน แต่ก่อนหน้านี้ไม้ได้ไป และแม่ของหลายฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ตำรวจพูดอะไรก็เชื่อหมด ตำรวจบอกว่าจะช่วย (ก็ไม่รู้ว่าช่วยอะไร และช่วยใคร) จึงทำให้รู้ว่าแจ้งข้อหาดังกล่าว และทางหลานฉันเป็นคนชน ส่วนคู่กรณี แจ้งข้อหา ขับรถประมาณจนเป็นให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ (อันนี้ทางตำรวจเป็นคนบอก ) ทางศาลเยาวชน บอกว่า ทางตำรวจเป็นผู้ฟ้องคดี แต่ฟ้องให้ทางคู่กรณี มันไม่เห็นเหมือนกับที่บอกไว้เลย สงสัยเห็นแม่เด็ก และเด็ก ดูโง่ ๆ มั่งคะ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ ทางเรามีพยานชัดเจน ตอบได้หมด กับกลายเป็นฝ่ายผิด ทางคู่กรณีบอกตำรวจว่าไม่ได้ถือถังน้ำมันมา เกี่ยวมากับรถ ตำรวจยังเชื่อเลย ทั้ง ๆ ที่พูดคนเดียว ไม่มีพยานเลย
ก็ยังไม่รู้ว่าผลจะเป็นยังไง ทางศาลบอกว่าให้ไปคุยกับทางตำรวจเรื่องคดี เพราะศาลทำตามที่สน.แจ้งมา แต่คิดว่าคงทำอะไรไม่ได้ เพราะเวลาถามอะไรก็พยายามเปลี่ยนเรื่อง เพราะฉันเป็นคนไปคุยเอง พอคุยกับคนที่รู้ก็ตอบคำถามไม่ได้ อยากรู่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถูกต้องแล้วหรือคะ และศาลก็นัดฟังผล ว่าเด็กจะมีความผิดหรือไม่ ล่าสุดเลื่อนวันฟังผลแต่ให้ไปประเมิณราคา ถ้าเกิดผิดจริงเด็กต้องถูกดำเนินคดี และต้องประกันตัว เพื่อสู่คดีต่อไป แต่สงสัยคะว่า ทางเราเป็นฝ่ายถูกชนแต่ทำไมตำรวจแจ้งข้อหาว่าเราเป็นฝ่ายชนคะ อย่างนี้ผลก็ต้องตัดสินว่าเราผิดซิคะ เราทำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ เพราะทางศาลก็ต้องเชื่อในข้อมูลที่ทางตำรวจส่งมาให้ ทางคู่กรณีทำงานที่อู่ซ่อมรถในท้องที่นั้น ทางเราเลยไม่แน่ใจว่า จะมีการเข้าข้างคุ่กรณีหรือเปล่าคะ ช่วยแนะนำด้วยนะคะว่าต้องทำไงบ้าง ศาลนัดฟังผลวันที่ 27 ต.ค. 53 คะ
ทนายภูวรินทร์
Admin
phuwarinlawyer@hotmail.com
ตอบ # 12 เมื่อ 19 ตุลาคม 2553 23:47 น. [แจ้งลบ]
            ตอบคำถามคุณแอน

            บางครั้งบางเหตุการณ์มันทำให้เรารู้สึก และตั้งคำถามว่าความยุติธรรมอยู่ที่ไหน มีอยู่จริงหรือไม่ ทำไมจึงไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ เรื่องดังกล่าวนี้เกิดขึ้นและมีอยู่มากมายในสังคมไทย

            สำหรับกรณีของหลานคุณจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ก็ต้องไปว่ากล่าวกันที่ศาลตามขั้นตอนของกฎหมายครับ ซึ่งกระบวนการดำเนินคดีในประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา เมื่อเกิดเหตุกระทำความผิดขึ้นจะเริ่มต้นโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นผู้รวบรวบพยานหลักฐาน และสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการฟ้องศาลต่อไป ศาลจะทำหน้าที่กลั่นกรองข้อเท็จจริงแห่งคดี  พิจารณาวินิจฉัย และพิพากษาไปตามพยานหลักฐาน ไม่ได้เชื่อตามที่ตำรวจสรุปคดีมาแต่อย่างใด  

ดังนั้น การที่หลานคุณเป็นฝ่ายถูกชน แต่กลับถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเสียเองทั้ง ๆ ที่ไม่เป็นความจริงนั้น ก็ต้องทำการพิสูจน์ความจริงกันในชั้นศาล และการที่คุณโต้แย้งว่า หลานไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ก็ต้องหาพยานหลักฐานมาสนับสนุน แต่เบื้องต้นหลานคุณต้องให้การปฏิเสธ และแถลงต่อศาลว่าต้องการทนายความ ซึ่งศาลจะจัดหาทนายขอแรงให้โดยหลานไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ส่วนการสืบพยานเพื่อยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิดนั้น ก็ให้หลานและแฟนเบิกความแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้กระทำผิด และหาพยานคนกลางมาเบิกความต่อศาล เพราะจะมีน้ำหนักให้รับฟังมากกว่าคู่ความในคดีเพราะไม่มีส่วนได้เสีย โดยต้องไปสืบหาบริเวณสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งอาจจะมีพยานผู้เห็นเหตุการณ์ก็เป็นได้ สำหรับประเด็นอื่นๆที่ต้องสนใจเป็นพิเศษก็คือแผนที่เกิดเหตุ รถหลานถูกชนบริเวณไหน รถคู่กรณีได้รับความเสียหายจุดไหน ภาพถ่ายความเสียหาย เพื่อดูว่าใครขับขี่ตัดหน้ากัน ซึ่งจะต้องพิจารณาจุดเกิดเหตุและพยานแวดล้อมอื่นประกอบด้วย

            ตามข้อเท็จจริงที่คุณกล่าวมา หากเป็นเช่นนั้นจริงผู้ที่ต้องถูกดำเนินคดีก็ต้องเป็นคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่ใช่หลานคุณแน่นอน แต่เมื่อหลานคุณถูกกล่าวหาก็ต้องนำสืบพยานหลักฐานมาหักล้าง และหากต่อมาศาลพิพากษาว่าหลานไม่ได้กระทำความผิด หลานคุณก็มีสิทธิฟ้องกลับคู่กรณีฐานแจ้งความเท็จ ฟ้องเท็จ หรือเบิกความเท็จ นอกจากนี้ ก็มีสิทธิดำเนินคดีกับเจ้าพนักงานตำรวจข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเรียกร้องค่าเสียหายต่าง ๆ ได้ด้วย

            อนึ่ง ตามที่คุณบอกว่าศาลนัดฟังผลนั้นคือนัดฟังคำพิพากษาแล้วหรือไม่ ผมจึงไม่ทราบว่าขณะนี้ศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาไปถึงไหนแล้ว ยังไงก็โทรมาสอบถามเพิ่มเติมดีกว่า ขอให้โชคดีครับ
จำนงค์
Guest
ตอบ # 13 เมื่อ 2 พฤศจิกายน 2553 18:38 น. [แจ้งลบ]
สวัสดีค่ะ มีเรื่องอยากขอคำปรีกษาเบื้องต้นค่ะ

ถ้าเราต้องการ ฟ้องร้องคดีเงินกู้ยืม จะเริ่มต้นอย่างไรคะ

ตามหาตัวลูกหนี้ไม่พบ ลูกหนี้มีที่อยู่ไม่แน่นอน ติดต่อไม่ได้ ลูกหนี้คงจะมีเจตนาให้สัญญาเงินกู้หมดอายุ เพราะ 7 ปีแล้ว

ลูกหนี้ได้มากู้ยืมเงินไปจำนวนหนึ่ง โดยให้โฉนดที่ดินประกันไว้ โดยที่ สัญญาทำขึ้นเองระหว่าง ผู้ให้กู้ และผู้กู้ โดยที่ไม่มาติดต่อเลย หลังจากได้กู้ไปแล้ว

ผู้ให้กู้ทำได้เพียงไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเท่านั้นเอง แต่อยากจะฟ้องร้องให้ลูกหนี้ชดใช้เงินที่ได้กู้ยืมไป

เราจะเริ่มต้นอย่างไรคะ รบกวน ด้วยค่ะ ขอขอบพระคุณค่ะ

เลขาทนายภูวรินทร์
Admin
phuwarinlawyer@hotmail.com
ตอบ # 14 เมื่อ 3 พฤศจิกายน 2553 22:48 น. [แจ้งลบ]
เรื่องที่ทางคุณจำนงค์ได้ขอคำปรึกษา ฟ้องร้องเงินกู้ยืม ทางทีมทนายคุณภูวรินทร์ได้ส่งคำตอบให้ทาง e-mail แล้วนะคะ

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ค่ะ


แก้ไขเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2553 22:50 น.
จำนงค์
Guest
llwswonder@hotmail.com
ตอบ # 15 เมื่อ 5 พฤศจิกายน 2553 12:27 น. [แจ้งลบ]

ขอบพระคุณ ทีมทนายคุณภูวรินทร์ และ เลขาทนายภูวรินทร์ ค่ะ

ได้อ่านคำตอบเรียบร้อยแล้วค่ะ และยังมีข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมคำถามเพิ่มเติม จะขอรวบกวนสอบถามต่อค่ะ
เบื้องต้นนี้ ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
คนกลุ้มใจ
Guest
ตอบ # 16 เมื่อ 8 พฤศจิกายน 2553 10:39 น. [แจ้งลบ]
ดิฉันขอคำปรึกษาหน่อยนะคะ คือว่าหลานชายดิฉันถูกตำรวจจับข้อหายิงคนตาย แต่หลานดิฉันไม่ได้ทำเนื่องจากวันเกิดเหตุหลานไปกินเนื้อย่างอยู่ที่บ้านเพื่อนหลายคนตอนเกิดเหตุยิงกันก็ราวเวลาประมาณ 6ทุ่ม-ตี 1 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่หลานขับรถกลับเข้าบ้านพอดี พอช่างเย็นอีกวันตำรวจก็มาที่บ้านและเอาตัวปสอบสวนซึ่งหลานดิฉันก็ยืนยันนอนยันว่าไม่รู้เรืองและไม่รู้จักคนตายเลย เป็นแบบนี้พอจะมีทางช่วยอย่างไรบ้างคะ
ทนายภูวรินทร์
Admin
phuwarinlawyer@hotmail.com
ตอบ # 17 เมื่อ 9 พฤศจิกายน 2553 23:05 น. [แจ้งลบ]
ตอบคำถามคนกลุ้มใจ  หากหลานยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิดและมีพยานบุคคลยืนยันความบริสุทธิ์ก็ให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีในชั้นศาล โดยอ้างฐานที่อยู่ สืบพยานบุคคลประกอบครับ ส่วนศาลจะพิพากษายกฟ้องหรือลงโทษก็ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานทั้งหมดในสำนวนคดี ซึ่งจะทราบได้ในวันสืบพยานครับ
คนกลุ้มใจ
Guest
ตอบ # 18 เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2553 11:02 น. [แจ้งลบ]
ขอบคุณมากคะ คงต้องสู้กันที่ชั้นศาลเพราะตอนนี้หลานอยู่สถานพินิจฯแล้ว
เกรียงศักดิ์
Guest
ตอบ # 19 เมื่อ 24 พฤศจิกายน 2553 23:07 น. [แจ้งลบ]
ขอบคุณมากครับคณทนายภูวรินทร์... สำหรับข้อแนะนำเรื่องคดีฟ้องมรดก และเรื่องซื้อขายคอนโด
ตอนนี้จัดการเรียบร้อยแล้วครับ ต้องขอบคุณคุณทนายภูวรินทร์มากครับ
เอก
Guest
aekchai.k@hotmail.com
ตอบ # 20 เมื่อ 4 มกราคม 2554 18:46 น. [แจ้งลบ]
ผมขอคำปรึกษาหน่อยนะครับ คือ ผมเคยเป็นพนักงานเก็บเงินให้กับบริษัทแห่งหนึ่งและได้ลาออกจากบริษัทนี้มาประมาณ3ปีแล้ว แต่อยู่ดีๆเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้มีหมายศาลมาที่บ้านบอกว่าผมได้ฉ้อโกงเงินบริษัทมา4หมื่นกว่าบาทแต่ผมมีเอกสารในการส่งเงินครบผมจะต้องทำอย่างไรบ้างครับ!
ทนายภูวรินทร์
Admin
phuwarinlawyer@hotmail.com
ตอบ # 21 เมื่อ 6 มกราคม 2554 21:10 น. [แจ้งลบ]
ตอบคำถามคุณเอก

               กรณีของคุณเมื่อถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดและถูกดำเนินคดีที่ศาล ก็ต้องแสดงความบริสุทธิ์ของตนเอง โดยไปสถานีตำรวจหรือศาลตามที่พนักงานสอบสวนหรือศาลนัดหมายเพื่อให้การต่อสู้คดีนำสืบพยานหลักฐานที่คุณกล่าวอ้างตามกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมาย

             ทั้งนี้ คุณมีสิทธิตามกฎหมายที่จะได้รับความช่วยเหลือทางด้านทนายความ (ทนายขอแรง) จากศาลโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าคุณไม่ได้กระความผิด คุณก็มีสิทธิได้รับเงินชดเชยจากกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรมอีกด้วย
Jeab
Guest
ตอบ # 22 เมื่อ 12 มีนาคม 2554 21:20 น. [แจ้งลบ]
ขอคำปรึกษาค่ะ ตอนนี้ดิฉันท้อง 1 เดือนบอกแฟนที่คบกันแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน(อายุเกิน 25ปีทั้งคู่ค่ะ) เขาบอกไม่พร้อมอยากให้เอาเด็กออกแต่ดิฉันไม่เอาออกกลัวบาป พอเขาทราบว่าท้องเขาก็ไม่มาหาแล้วส่งเมล์มาบอกเลิก ดิฉันไม่รู้จักญาติพี่น้อง เพื่อน เขาเลย เขาตัดการติดต่อทุกทาง ดิฉันกำลังจะย้ายกลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัด ดิฉันจะทำไงได้บ้างในทางกฎหมายค่ะ เพราะตอนนี้ที่บ้านยังไม่รู้แต่อีกไม่นานก็ต้องรู้ รบกวนคุณทนายด้วยค่ะ
ทนายภูวรินทร์
Admin
phuwarinlawyer@hotmail.com
ตอบ # 23 เมื่อ 14 มีนาคม 2554 23:50 น. [แจ้งลบ]
ตอบคำถามคุณ Jeab



          ตามข้อเท็จจริงที่เล่ามานั้น ในทางกฎหมายได้บัญญัติให้คุณมีสิทธิฟ้องขอให้รับรองบุตรและเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูเท่านั้นครับ และสำหรับเรื่องนี้ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ชายที่ทำหญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบมีความผิดและต้องรับโทษทางอาญาแต่อย่างใดด้วย  ดังนั้น จึงไม่สามารถแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีได้
ผู้หญิง
Guest
Titta@loveking.org
ตอบ # 24 เมื่อ 23 มีนาคม 2554 10:17 น. [แจ้งลบ]
คุณทนายขอความกรุณาตอบด้วยค่ะ ถ้าในกรณีแจ้งความว่าโดนกักขังและข่มขืน มีผลตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลว่ามีร่องรอยการข่มขื่นจริง จนเป็นคดี มีตำรวจเจ้าของคดีดำเนินการต่อ แต่ตำรวจเจ้าของคดีไม่เคยให้อ่านสำนวนเลยเรียกเข้าไปสอบปากคำบอกว่าคู่กรณีต้องการไกล่เกลี่ยให้ทางผู้เสียหายเซ็นยินยอมเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินมิฉะนั้นจะดำเนินการต่อไม่ได้ แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่า
ตอนนี้มีเอกสารมาที่บ้านอัยการสั่งไม่ฟ้อง ในเอกสารระบุว่าผู้เสียหายแต่งงาน-มีบุตรแล้ว เรียนจบปริญญาตรี มีวุฒิภาวะพอจึงไม่สามารถโดนข่มขื่นได้
และตอนนี้ทางตำรวจที่เป็นเจ้าของคดีดำเนินการให้ทางคู่กรณีฟ้องร้องกลับว่าทางผู้ถูกข่มขื่นต้องการเบรคเมล์เรียกร้องเงินทอง....ทางผู้ที่ถูกข่มขื่นขอสำนวนทางตำรวจเจ้าของคดี ก็ไม่ได้ ตำรวจเจ้าของคดีแจ้งว่าให้ไปเอาที่ศาล...ตอนนี้คนที่ถูกข่มขืนไม่รู้จะดำเนินการอย่างไร และไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ..ขอความกรูณาท่านผู้มีความรู้ทางด้านกฎหมายเมตาช่วยเหลื่อด้วย....จักเป็นพระคูณอย่างยิ่ง (เพราะคู่กรณีมีทั้งเงิน อำนาจ และอิทธิพล...)

...........เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงในพื้นที่สน.ราษฎร์บรูณะ....
ทนายภูวรินทร์
Admin
phuwarinlawyer@hotmail.com
ตอบ # 25 เมื่อ 3 เมษายน 2554 19:52 น. [แจ้งลบ]
สวัสดีครับ

                 เรื่องนี้ตามกฎหมายเมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องแล้ว ผู้เสียหาย หรือผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิร้องขอต่อพนักงานอัยการเพื่อขอทราบสรุปพยานหลักฐานพร้อมความเห็นของพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการในการสั่งคดีได้ หากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐตำแหน่งใด ผู้เสียหายสามารถร้องเรียนหรือร้องขอความเป็นธรรมกับผู้บังคับบัญชาในระดับที่สูงกว่าเจ้าหน้าที่ท่านนั้น 

                นอกจากนี้ ก็สามารถรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน องค์กร หรือมูลนิธิที่ทำเรื่องนี้ เช่น สภาทนายความ,  มูลนิธิปวีณา และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่จะช่วยเหลือให้ได้รับความเป็นธรรมได้ และผู้เสียหายยังสามารถให้ทนายความดำเนินการฟ้องศาลเองได้ด้วย เช่น กรณีหมอผัสพร ที่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่ผู้เสียหายก็ฟ้องเองจนศาลมีคำตัดสินแล้ว

               ขอให้โชคดีครับ 
สุทธินันท์
Guest
sutthinun_x@hotmail.com
ตอบ # 26 เมื่อ 26 เมษายน 2554 23:27 น. [แจ้งลบ]
เนื่องจากผมโดนรุมทำร้ายร่างกาผู้ต้องหาทั้งหมด4คนและได้แจ้งความแล้วแต่ทางตำรวจได้เรียกทางผู้ต้องหามารายงานตัวแต่มาไม่ครบ..ผมได้เรียกสินไหมไป2แสนบาทแต่ทางจำเลยได้ต่อลงเหลือ140000คือจากคนละ5หมื่นเหลือ4หมื่นและหลังจากนั้นผู้ต้องหาได้โทรมาขอเลื่อนเหลือ100000บาทแต่ทางผมไม่ยอมและได้โทรมาขอเลื่อนอีก3อาทิตย์ซึ่งทางผมคิดว่าจะเป็นการยืดเยื้อเกินไปและจะฟ้องทางอาญาด้วยเพราะหลังจากการโดนทำร้ายผมบาดเจ็บสาหัสกระโหลกแตกและเลือดออกในสมองและทางบริษัทที่ทำงานต้องให้ผมพักงานไปก่อนเนื่องจากปัจจุบันสุขภาพไม่ได้แข็งแรงเหมือนเก่าและทางผมคิดว่าเหตุการก็ผ่านมานานแล้วแต่ทางผู้ต้องหายังแกล้งทำเมินเฉยอยู่....ผมโดนทำร้ายตั้งแต่13กุม๓พันธ์ครับและถ้าฟ้องผมต้องจ่ายค่าทนายประมาณเท่าไหร่ครับและถ้าฟ้องต้องเรียกค่าเสียหายประมาณเท่าไหร่ครับ.........................ขอบคุณทุกท่านครับ
ทนายภูวรินทร์
Admin
phuwarinlawyer@hotmail.com
ตอบ # 27 เมื่อ 27 เมษายน 2554 00:07 น. [แจ้งลบ]
ตอบคำถามคุณสุทธินันท์

ตามกฎหมายเรื่องค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดซึ่งเป็นคดีแพ่งนั้น ได้แก่


            มาตรา 438 ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้นให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด    

           มาตรา
444 ในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้นผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่ บางส่วนทั้งในเวลาปัจจุบันนั้นและในเวลาอนาคตด้วย

            ถ้าในเวลาที่พิพากษาคดีเป็นพ้นวิสัยจะหยั่งรู้ได้แน่ว่าความ เสียหายนั้นได้มีแท้จริงเพียงใดศาลจะกล่าวในคำพิพากษาว่ายังสงวนไว้ซึ่งสิทธิที่จะแก้ไขคำพิพากษานั้นอีกภายในระยะเวลาไม่ เกินสองปีก็ได้                                                                                  

           มาตรา
446 ในกรณีทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยก็ดีในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความที่เสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินด้วยอีกก็ได้สิทธิเรียกร้องอันนี้ไม่โอนกันได้ และไม่ตกสืบไปถึงทายาท เว้นแต่สิทธินั้นจะได้รับสภาพกันไว้โดยสัญญาหรือได้เริ่มฟ้องคดีตามสิทธิ นั้นแล้ว

           ดังนั้น ค่าเสียหายจึงได้แก่ค่ารักษาพยาบาลที่ต้องเสียไปทั้งการรักษาพยาบาลและการพื้นฟูสภาพร่างกายหรือการรักษาต่อเนื่องในอนาคตด้วย, ค่าเสียหายในเรื่องเสียความสามารถประกอบการงาน, ค่าสินไหมทดแทนที่มิใช่ตัวเงิน หรือค่าทำขวัญ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้คุณจะต้องเรียกร้องเองโดยคิดจากค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริง และประมาณการถึงความเสียหายต่าง ๆ ที่คุณได้รับ  ตลอดจนประเมินสภาพร่างกายของคุณเอง ผมไม่สามารถตอบได้ ส่วนค่าทนายความนั้นแต่ละท่านมีมาตรฐานการเรียกค่าจ้างไม่เหมือนกัน จึงไม่สามารถตอบเป็นกลางๆได้ ต้องตกลงกับทนายความที่คุณจะว่าจ้างเองครับ แต่สำหรับเรื่องนี้เป็นความผิดคดีอาญาแผ่นดิน คุณมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ชดใช้ค่าเสียหายจากผู้กระทำผิดได้อยู่แล้ว โดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดีใหม่ต่างหากจึงไม่ต้องว่าจ้างทนายให้ฟ้องอีกแต่อย่างใด
แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน 2554 00:08 น.
จากคนหาเช้ากินค่ำ
Guest
nid-salin@WINDOWLIVE.COM
ตอบ # 28 เมื่อ 27 เมษายน 2554 14:13 น. [แจ้งลบ]
ดิษฉันได้รับโทรศัพท์จากผู้ที่อ้างตัวเป็นทนายจากกองบังคับคดีของบ.จีอีกรณีเงินกู้เมื่อ7-8ปีที่แล้วโทรมาขอให้ชำระเงินโดยจะช่วยให้ดิฉันจ่าย7800ครึ่งหนึ่งของเงินกู้ดิฉันมีเงินเดือนแค่7000ขอผ่อนจ่ายเป็นรายเดือนแต่เขาบอกว่าทางบ.คงไม่ยอมต้องจ่ายเป็นก้อนฉันจึงให้เขาไปทำเรื่องฟ้องต่อศาลเขาบอกว่าจะทำเรื่องมาสนง.ของดิฉันให้ฝ่ายบุคคลหักเงินดิฉันส่งให้เขาเป็นไปได้ไหมค่ะแล้วถ้าได้จริงต้องไปขึ้นศาลให้ศาลสั่งก่อนรึเปล่าดิฉันไม่มีเงินหรอกค่ะไหนจะต้องเลี้ยงลูกอีกก็แย่อยู่แล้ว
ทนายภูวรินทร์
Admin
phuwarinlawyer@hotmail.com
ตอบ # 29 เมื่อ 27 เมษายน 2554 18:50 น. [แจ้งลบ]

            การที่เจ้าหนี้จะอายัดสิทธิเรียกร้องหรือเงินเดือนของลูกหนี้ได้นั้น จะต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแล้วเท่านั้น หากยังมิได้ฟ้องเป็นคดีต่อศาลก็ไม่มีสิทธิอายัดได้ครับ ส่วนเมื่อศาลพิพากษาแล้วเจ้าหนี้จะมีสิทธิอายัดเงินเดือนของลูกหนี้ที่มีเงินเดือน 10,000 บาทขึ้นไป ในอัตรา 30 % เท่านั้น หากเงินเดือนไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาทก็อายัดไม่ได้ครับ เพราะกฎหมายกำหนดให้เหลือเงินให้ลูกหนี้ไว้ในจ่ายจำนวน 10,000 บาท ต่อเดือน แต่เงินโบนัสอายัดได้ 50 % ส่วนเงินตอบแทนการออกจากงานอายัดได้ 100 % ครับ

คนหาเช้ากินค่ำ
Guest
nid-salin@windowlive.com
ตอบ # 30 เมื่อ 28 เมษายน 2554 16:20 น. [แจ้งลบ]
กรณีที่แม่สามีมีชื่อเป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซด์แล้วไฟแนนมายึดไปและมีเอกสารมาให้จ่ายค่าส่วนต่างเป็นเงิน(สองหมื่นกว่าเกือบสามหมื่น)ดิแนควรทำยังไงขอคำแนะนำด้วยค่ะไม่อยากให้แกต้องเดือดร้อนเพราะรถดิฉันก็ป็นคนใช้เอง
1 หากดิฉันจะขอสิทธิใช้หนี้แทนแม่สามีได้หรือไม่คือให้เขาทำโอนหนี้ได้ไหมค่ะให้ทนายฝ่ายเจ้าหนี้มาติดต่อกับทางดิฉันเอง
2 แม่ไม่มีเงินจ่ายเขาจะมายึดที่ดินที่แม่มีชื่อเป็นเจ้าของได้ไหมโฉนดที่ดินอยู่กับเจ้าหนี้เงินกู้อื่น
3 มันจะโยงกันกับเรื่องที่มีทนายมาอ้างจะอายัดเงินเดือนดิฉันได้ไหมหากดิฉันจะรับจ่ายหนี้แทนแม่สามี(กรณีเรื่องรถยังไม่ฟ้องศาล)
4 ถ้าเจ้าหนี้ยื่นเรื่องฟ้องศาลแล้วดิฉันจะดำเนินการแทนแม่ได้ไหมค่ะแกไม่ค่อยมีความรู้เท่าไรแค่อ่านออกเขียนได้เท่านั้นแล้วถ้าไม่ได้จะทำยังไง(ครอบครัวมีฐานะไม่ดีเลยเป็นหนี้เยอะมาก(((((นอกระบบ))))))
5 แล้วถ้าเจ้าหนี้ฟ้องศาลไปแล้วแม่ก็ไม่ได้ไปศาลจะโดนยึดที่ดินไม่ค่ะ(โฉนดที่ดินอยู่ที่เจ้าหนี้เงินกู้รายอื่น)
ขอขอบพระคุณคุณทนายเป็นอย่างสูงค่ะที่ช่วยเหลือคนตกทุกข์อย่างดิฉัน
:y::y::y::y::y::y::y::y::y::y::y::y::y::y::y::y::y::y::y::y::y::y::y:
คนหาเช้ากินค่ำ
Guest
nid-salin@windowlive.com
ตอบ # 31 เมื่อ 28 เมษายน 2554 16:40 น. [แจ้งลบ]
ความเดิมเรืองการขู่อายัดเงินเดือน ดิฉันต้องไปยื่นเอกสารอะไรกับทางกองบังคับคดีรึเปล่าบ้านเลขที่อยู่ยโสธรแต่ทำงานอยู่สมุทรสาครต้องไปกองบังคับคดีไหน
อีกอย่างที่ดิฉันอยากทราบมากทนายที่ทางเจ้าหนี้สั่งมาก็ต้องเป็นสนง.กฏหมายบ.อะไรก็แล้วแต่เจ้าหนี้จะเป็นผู้ว่าจ้างทำไมเขาถึงบอกว่าโทรมาจากกองบังคับคดีมันคนละส่วนกันไม่ใช่หรือค่ะบ.จีอีที่เขาให้เบอร์ดิฉันมาให้ไปตรวจสอบข้อมูลก็ไม่มีในระบบทีโอทีเป็นถึงบ.ใหญ่ของเครือกรุงศรีแต่เบอร์ไม่มีในระบบเป็นไปได้ยังไง(ดิฉันโทรไปเช็คที่ทีโอทีมาค่ะ)ส่วนเบอร์ที่ทีโอทีให้มาแล้วโทรไปของเครือกรุงศรีเป็นระบบตอบรับอัตโนมัต ดิฉันโดนบ.ทนายความนั้นหลอกจะให้จ่ายเงินเป็นพวกสิบแปดมงกุฏรึเปล่า
บ.ชื่อบ.โกคอลอะไรนี่แหละค่ะ พวกทนายที่มีความรู้ความสามารถไม่น่าเอาเปรียบผู้อื่นน่าจะมีทนายเหมือนกับคุณเยอะๆน่ะค่ะช่วยเหลือผู้ตกทุกข์

1 2 3 4 5 6 7 8

Reply ตอบกลับกระทู้

ตัวหนา ตัวเอียง ตัวขีดเส้นใต้ ตัวขีดกลาง ชิดซ้าย กึ่งกลาง ชิดขวา รูปภาพ ลิ้งก์ ขนาดต้วอักษร สีต้วอักษร

    แนบไฟล์ :
(ขนาดไฟล์ไม่เกิน 2 MB.)
    ผู้เขียน : *
    E-mail : *
 ไม่ต้องการแสดง E-mail
    รหัสตรวจสอบ : Security Image
* กรุณากรอกรหัสที่อยู่ในรูป
Copyright by www.phuwarinlawyer.com
Engine by MAKEWEBEASY