การตอบคำถามทางเว็บไซท์ http://www.phuwarinlawyer.com/ เป็นเพียงความคิดเห็นเบื้องต้นทางกฎหมายซึ่งได้วินิจฉัยและตอบคำถามจากข้อเท็จจริงเพียงเท่าที่ปรากฏเท่านั้น โดยอาจมีรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อมูลอื่นๆ ที่ผู้ถามมิได้แจ้งข้อมูลมาอย่างครบถ้วนที่จะประกอบการวินิจฉัยอย่างเพียงพอ ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณประกอบการตัดสินใจ ************************************************************** ติดต่อปรึกษาทางโทรศัพท์ 081-9250-144 หรือ Line ID 081-9250-144 **กรณีหากไม่รับสายแสดงว่าติดภารกิจศาลหรือติดงาน กรุณาโทรติดต่อใหม่อีกครั้ง**
ขอเรียนถามหน่อยค่ะ ถ้าดิฉันขายสินค้าทาง internet กับทางเว็บไซต์ๆหนึ่ง แล้วอยู่ดีๆวันหนึ่งทางเว็บก็ระงับการใช้งานของดิฉัน โดยให้เหตุผลว่าดิฉันสมัครเข้าใช้งานในชื่อผู้ใช้ท่านอื่น เพื่อมาปั่นราคาสินค้าของตัวเอง ซึ่งดิฉันยังไม่ได้ไปสมัครในชื่อที่ทางทีมงานแจ้งมาเลย พอแจ้งกลับไปทางทีมงานก็ไม่ยอมยกเลิกการระงับใช้งาน ซึ่งทำให้ดิฉันไม่สามารถขายสินค้าได้เป็นเดือนๆ ไม่สามารถซื้อสินค้าที่ดิฉันสั่งจอง หรือกดประมูลไว้ได้ ทำให้ดิฉันขาดรายได้ และเสียเครดิตในการซื้อ-ขายเป็นอย่างมาก ต่อมาดิฉันได้พูดคุยกับแฟนจึงทราบว่าแฟนเป็นคนสมัครชื่อ login อันใหม่ เพื่อจะเอาไว้ซื้อสินค้าที่ตัวเองถูกใจ และที่มากดประมูลสินค้าของดิฉันก็เพราะว่ามีลูกค้าจะเอาก็เลยมากดให้ ดิฉันจึงให้เขาโทรไปชี้แจงกับทางเว็บไซต์เพื่อยืนยันว่าดิฉันไม่รู้เรื่องกับข้อกล่าวหาที่ว่าดิฉันเป็นผู้สมัคร และเข้ามาปั่นราคาสินค้าเอง แต่หลังจากโทรไปชี้แจง ทางทีมงานบอกว่าจะจัดการให้ ผ่านไป 1 เดือนก็ยังระงับอยู่เหมือนเดิม และยังยืนยันที่จะส่งชื่อดิฉันเข้า BlackList ด้วยข้อกล่าวหานี้ ทั้งๆที่ดิฉันก็ได้อธิบายไปแล้ว และมีพยานตั้งหลายคนที่ยืนยันได้ว่าดิฉันไม่ได้ทำ เช็คคอมฯของดิฉันก็ได้ว่ามีการสมัครจริงไหม ดิฉันควรจะทำอย่างไรดีค่ะ ดิฉันไม่พอใจมาก เพราะการกระทำของทีมงานทำให้ลูกค้าหลายคนไม่สามารถโอนเงินมาให้ดิฉันได้ รวมทั้งทำให้ดิฉันขาดรายได้ทั้งๆที่ดิฉันทำงานสุจริตไม่ได้โกงใคร นอกจากนี้เวลาที่ดิฉันร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากทางทีมงานในการตามลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าแล้วหาย หรือมาแจ้งโอนเงิน(ปลอมๆ)กับทางเว็บไซต์ทั้งๆที่ไม่ได้โอนเงินมาให้ดิฉันเลย ทางทีมงานก็ไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด ทั้งๆที่มีกติกาเขียนไว้ว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฏของทางเว็บ และอาจจะผิดกฏหมายด้วย แต่เขาก็นิ่งเฉยกับการโกงเหล่านี้ รวมถึงระบบการให้ Feedback กับทางผู้ซื้อ-ผู้ขาย ซึ่งทางเว็บไซต์อ้างว่ามีไว้เพื่อความน่าเชื่อถือของบุคคลนั้นๆ ซึ่งจะเป็นเหมือนโลโก้ของผุ้ขายเลยก็ได้ว่าดีหรือไม่ดี แต่ทางเว็บไซต์ก็ปล่อยให้มีการให้มั่ว กลั่นแกล้งกัน ซึ่งดิฉันร้องเรียนไปก็ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือเลย ไม่รู้จะปรึกษาใครแล้วจริงๆค่ะ เพราะทางเว็บเอาเปรียบกันมากๆเลย รู้สึกแย่มากกับความไม่ยุติธรรมแบบนี้ กรุณาช่วยแนะนำว่าจะเรียกร้องความยุติธรรมอะไรได้บ้างไหมค่ะ ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับคุณคนกลุ้มใจ ตามกฎหมายเรื่องพยานหลักฐานนั้น ให้รับฟังพยานวัตถุ พยานเอกสาร หรือพยานบุคคล ซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์ “ให้อ้าง” เป็นพยานหลักฐานได้ แต่ต้องเป็นพยานชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจ มีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น และ “ให้สืบ” ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ หรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยาน และในการใช้ดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลพิจารณาถึงพฤติการณ์ทั้งปวงแห่งคดี โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ด้วย (1) คุณค่าในเชิงพิสูจน์ ความสำคัญ และความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานนั้น (2) พฤติการณ์และความร้ายแรงของความผิดในคดี (3) ลักษณะและความเสียหายที่เกิดจากการกระทำโดยมิชอบ (4) ผู้ที่กระทำการโดยมิชอบอันเป็นเหตุให้ได้พยานหลักฐานมานั้นได้รับการลงโทษหรือไม่เพียงใด ดังนั้น พยานหลักฐานต่าง ๆ จึงมีคุณค่าในตัวของพยานหลักฐานนั้น ๆ เอง หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าจำเลยหรือผู้ที่ถูกกล่าวหากระทำความผิดได้ การที่คุณประสงค์จะให้ผู้ที่ทำให้คุณเสียหายได้รับโทษตามกฎหมาย คุณก็แจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนเรื่องที่ผู้กระทำความผิดจะได้รับโทษตามกฎหมายหรือไม่ เป็นเรื่องของการรวบรวมพยานหลักฐาน และศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยครับ ส่วนตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่วินิจฉัยว่าเทปบันทึกเสียงรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ เช่น ฎ.1123/2509 (ป.) รับฟังได้ แม้เป็นการบันทึกเทปในการสนทนาทางโทรศัพท์กับจำเลยก็รับฟังได้ และฎ.4674/2543 การที่จำเลยอ้างส่ง เทปบันทึกเสียงซึ่งบันทึกการสนทนาระหว่างโจทก์ และจำเลย พร้อมเอกสารที่ถอดข้อความบันทึกการสนทนาเป็นพยานหลักฐานนั้น นับเป็นพยานหลักฐานซึ่งเกี่ยวถึงข้อเท็จจริงที่จำเลยจะนำสืบในประเด็นเรื่องการใช้เงิน แม้โจทก์จะไม่ทราบว่า มีการบันทึกเสียงไว้ก็ตาม แต่เมื่อเสียงที่ปรากฏเป็นเสียงของโจทก์จริง และการบันทึกเสียงดังกล่าวเกิดจากการกระทำของจำเลย ซึ่งเป็นคู่สนทนาอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นผู้บันทึกเสียงไว้เอง ซึ่งโดยปกติจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะเบิกความอ้างถึงการสนทนาในครั้งนั้นได้อยู่แล้ว จึงไม่ถือว่าเทปบันทึกเสียงและเอกสารที่ถอดข้อความนั้น เป็นการบันทึกถ้อยคำ ซึ่งเกิดจากการกระทำโดยมิชอบ อันจะต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 243 วรรคสอง
ความผิดฐานหมิ่นประมาทเป็นความผิดอันยอมความกันได้ ซึ่งความผิดฐานหมิ่นประมาทมีอัตราโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี แต่ถ้ากระทำด้วยการโฆษณา มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสองปี อายุความสำหรับคดีประเภทนี้มี 2 ประเภท กล่าวคือ 1. ความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเป็นอันขาดอายุความ 2. เมื่อได้ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนแล้ว ถ้าไม่ได้ฟ้อง และได้ตัวผู้กระทำผิดมาศาล ภายในกำหนด 10 ปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าหนึ่งปีถึงเจ็ดปี (หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี) นับแต่กระทำความผิด คดีเป็นอันขาดอายุความครับ
คุณทนายภูวรินทร์ ได้ตอบคำถามคุณคนทุกข์ใจทางอีเมลล์เรียบร้อยแล้วนะคะ หากมีข้อสงสัยประการใด สามารถสอบถามเพิ่มเติม ได้ค่ะ
สวัสดีครับ รูปภาพและข้อความที่ที่ส่งมานั้น เป็นการด่าโต้ตอบกันไปมา ตามกฎหมายถือว่ามิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ไม่สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้ครับ